วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ปลาซิวตัวน้อย อร่อยเหาะ


ปลาซิว เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่พบได้ตาม ห้วย หนอง คลอง บึง ทั่วไป เป็นปลาที่หาจับง่าย ตายง่ายจนผู้คนนำมาใช่เป็นคำเปรียบเทียบกันคนว่า ใจปลาซิว หรือพวกปลาซิวปลาสร้อย ซึ่งหมายถึงคนที่ไม่มีความสำคัญ และ คนที่ขี้ขลาดขี้กลัวนั้นเอง
ปลาซิวมีมากมายหลายชนิด เช่น ปลาชิวหางแดง ปลาซิวธรรมดา ปลายซิวอ้าว ฯลฯมากมาย
วันนี้ใช่ว่าผมจะมาพูดเรื่องชนิดของปลาซิวหรอกครับ แต่จะพามาดูวิธีการจับปลาซิวที่หลายคนไม่เคยเห็น เป็นวิธีการจับอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจ

นั้นคือการใส่ดางปลาซิว(ดาง ภาคกลางน่าจะเรียกว่า ตาข่าย หรืออวนจับปลา) หรือบางถิ่นคนอีสานเรียวว่า มอง ดางปลาซิวจะมีขนาดเล็กครับ วิธีการใส่ ใช้ไม้ปักเป็นหลักยึดที่ริมฝั่งคลอง แล้วเราก็เดินตัดไปอีกฝั่งคลองด้านหนึ่ง ระดับน้ำไม่จำเป็นต้องลึกเสมอไป


เมื่อเราว่าง ดาง เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาไมนนานครับ ถ้าร้องเพลงก็จบหนึ่งเพลงพอดี ถ้าวาง ดาง ไว้นานเกินไปปลาซิวก็จะหลุดออกว่าอย่างนั้นครับ


หลังจากผ่านไปหนึ่งผลงานเพลงเราก็ถึงเวลาเก็บดางแล้ว การเก็บดางต้องงใช้เทคนิคขั้นสูงงนะครับ เพราะถ้าเก็บมั่วๆดางของเราอาจจะพันกันในการใส่ครั้งหน้าก็ได้



เมื่อเราเอาเจ้า ดาง ขึ้นมาจากน้ำแล้ว ก็จะมีปลาซิวติดมาด้วยเต็มเลยครับ ขั้นตอนนี้ไม่ต้องไปเก็บออกจากดางให้ยาก(เว้นแต่ตัวที่มันไม่ลุดออกจริงๆ)เพราะเพียงแค่สลัดสลัด ปลาซิวตัวน้อยก็จะหล่นลงตาข่ายเขียวที่เรารองไว้ด้านล้าง จากนั้นเราจึงเก็บใส่ถังที่เราเตรียมไว้


นอกจากเราจะได้ปลาซิวไปทำอาหาร เช่น ห่อหมกปลาซิว ก้อยปลาซิว และอีหลากหลายเมนูแล้ว เรายังได้สานสัมพันธ์กับ พ่อ แม่ พี่ น้อง เสียงหัวเราะสนุกสนานดังไปทั่วท้องนาเลยครับ


ดูเหมือนว่าเจ้าปลาซิวตัวจิ๋ว จะไม่ขี้ปะติ๋วน้อยค้าอย่าที่หลายคนเปรียบเทียวไว้อีกต่อไป หากวั้นหนึ่งเราจากโลกนี้ไป เรื่องรางเจ้าปลาซิวน้อยพวกนี้จะเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่หาได้ง่าย และขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นปลาที่สานความสัมพันธ์ให้ครอบครัวมีเสียงหัวเราะได้เชช่นเดียวกัน

                                                                                                 By เคอู ครูเอ

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

มาหว่านกล้า ทำนาดำ (ทำนา#1)

ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร่ำพร่ำ

มิได้จะมาเล่าเรื่องกบแต่อย่างใดหรอกครับ แต่ถ้าเรื่องฝนก็คงต้องเกี่ยวข้องกันกับเรื่องต่อไปนี้แน่นอนครับ  เพราะชาวอีสานหลังจากการเลี้ยงตาปู่บ้านผู้ที่เป็นคนดูแลปกปักรักษาชาวบ้านทุกคนในช่วงเดือนหก หรือบางหมู่บ้านก็จะเอาบุญบั้งไฟเพื่อขอฝนในการทำนา ชาวบ้านก็จะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เตรียมไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วนำมาแช่น้ำ ที่ช้าวบ้านเรียกกันว่า เอาข้าวปลูกลงน้ำ แช่ไว้ 2 คืน


จากนั้นจะนำข้าวปลูกขึ้นจากน้ำเอามาเทไว้ใต้ร่มไม้ นำเศษฝางมาคุมและรดน้ำให้ชุ่มอีกที แม่บอกผมว่าเขาเรียกว่า มอกกล้า ทิ้งไว้อีก 1-2 วันครับ ระหว่างที่รอเราก็เตรียมแปลกล้าที่เราจะหว่าน เช่น ตัดหญ้า ทดน้ำเข้านา เตรียมไถ เตรียมคราดรอครับ (เทคนิกการไถ และคราด จะมาเล่าให้ฟังครั้งหน้านะครับ)



เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เราก็มาว่านกล้าเพื่อทำนากันเลยดีกว่าครับ
เพื่ออธิบายขั้นตอนให้เข้าใจง่าย ขอกล่าวเป็นขั้นตอน ดังนี้นะครับ
ขั้นตอนที่ 1 เมื่อเราทดน้ำเข้าทั่วนาแล้ว เราก็ไถ และคราดตีดินให้ละเอียดและเรียบเสมอกัน
 (ขั้นตอนนี้เหนื่อยสุดสุดเลยครับ)


ขั้นตอนที่ 2  เมื่อคราดตีดินเสมอกันดีแล้ว เราจะปล่อยนำออกและทำร่องน้ำให้รอบนา เพราะถ้าน้ำขังท้วมเมล็ดข้าวจะทำให้ข้าวไม่งอกเนื่องจากเมล็ดข้าวเน่านั้นเองครับ


ส่งสัยใช่ไหมครับว่าเอาต้นกล้วยมาทำอะไร อุปกรณ์ชิ้นนี้อยู่ในขั้นตอนต่อไปนี้นี่เองครับ
ขั้นตอนที่ 3 เรียกว่า การมอบตากล้า ต้นกล้วยที่ผูกด้วยเชือกทั้งสองด้านนี้เรียกว่า ไม้มอบกล้านั้นเองครับ บางคนอาจจะใช้ไม้แทนต้นกล้วยก็ได้ 



วิธีการใช้ เราจะน้ำไม้มอบกล้าวางลงไปที่ตากล้าที่เราคราดเรียบร้อยแล้ว เดินถอยหลังเพื่อรีดน้ำที่ขังอยู่ออกให้หมดจากตากล้า และการเดินถอยหลังไม้มอบจะลบรอยเท้าของเราอีกด้วย

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยเราก็สามารถนำเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่เรามอกไว้ใต้ร่มไม้ 2 คืน มาหว่านให้ทั่วแปลงนาที่เราเตรียมไว้



สำหรับบ้าน หรือ ทุ่งนาใครที่ไม่มี ไก่ เป็ด ก็กลับไปนั่งพักผ่อนได้เลยครับ แต่ที่บ้านผมไก่เยอะก็ต้องทำรั้วกั้นสักหน่อย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีกล้าเหลือพอให้ทำนาในปีนี้แน่นอนครับ
ขั้นตอนการหว่านกล้า เป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้นของการทำนาดำเท่านั้นครับ ซึ่งกว่าจะได้ข้าวมารัปประทานแสนยาก ติดตามเราต่อไปนะครับว่าครั้งงหน้าเราจะเอาเรื่องการทำนาขั้นตอนไหนมาเล่าให้ฟังอีก โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
   BY เคอู ครูเอ

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

ตลาดกลางดง ของป่าหาง่ายที่ห้วยเม็ก




หากท่านมีโอกาสเดินทางมายังถนน หมายเลย 2039 ระหว่าง อำเภอห้วยเม็ก ไปถึง ทางแยกบ้านฮองฮี อำเภอยางตลาด มีตลาดของป่าที่น่าสนใจ ซึ่งหลายคนที่ผ่านก็ไม่พลาดที่จะซื้อของฝากจากตลาดแห่งนี้เลย


ตลาดกลางดง แห่งนี้อยู่บริเวณ สวนป่าดอนลำดวน เป็นเพิงสังกะสีที่ดูจากสภาพแล้วน่าจะผ่านแดนฝนมาหลายต่อหลายปีแล้ว โครงส้รางก็ทำมาจากไม้ที่มีร่องรอยการซ่อมแซมครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับคำกล่าที่ว่า นักรบย่อมมีบาดแผล ยิ่มมีเยอะประสบการณ์ก็ยิ่งมากมาย
หอยนา
ตลาดกลางดงแห่งนี้มีอาหารให้ท่านได้เลือกซื้อกันมากมายครับ ตั้งแต่ 
ในน้ำ ได้แก่ กุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด ฯลฯ
เห็ดกระด้าง(เกิดอยู่เสาไฟฟ้า ผู้สาวบ่มาหาเฮากะไปเอง)

เห็ดป่า
มีเห็ดตะไค เห็ดแดง เห็นหน้าขาว

หวาย

อีลอกอีงอม
ดอกกระเจียว
 บนบก   เห็ด หน่อไม้ หนูนา(ไม่ใช่นักร้องนะครับ) อีลอกอีงอม หวาย ดอกกระเจียว ฯลฯ
จั๊กจั่น
สัตว์ปีก  ก็มีครับ   จั๊กจั่น  จิ้งหรีด  นก นับไม่ครบหรอกครับ
ไข่มดแดง  แม่เป้งมด
ผักหวานป่า
อาหารสุดยอด   ได้แก่ไข่มดแดงครับ ผักหวานป่า   ป่า ป่า 
กาแฟโบราณ กาแฟกลางดง
 สำหรับท่านใดที่เดินทางแต่เช้าก็ไม่ต้องกังวนครับ ว่ามาถึงแต่เช้าจะเป็นอาการ ซงล่ง เซงเลง วินวินเซ็งเซ็ง เพราะที่นี้เขามีร้านกาแฟไว้บริการ จะเอาแบบ กาแฟนุ่มๆ หรือขมตายไม่เอาเรื่องก็เลือกได้ตามสบายเลยครับ
บรรยากาศในตลาด
ตลาดกลางดงแห่งนี้ยังคงความเป็นพื้นบ้านอีสานของเราไว้ได้มากครับ ราคาข้าวของก็ไม่แพง ผู้คนที่จับจ่ายซื้อของก็ไม่มากนัก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาอย่างไม่ขาด ท่านไดมีโอกาศผ่านมาทางนี้ก็อย่าลืมแวะนะครับ ที่นี่ ตลาดกลางดง 

                                                               By เคอู
                            





วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

วัดเขาสามยอด สุดยอดพลังศรัทธา


ผมได้ทราบข่าวแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้บ้าน วัดเขาสามยอด หรือ วัดถ่ำสูง อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น จากอินเทอร์เน็ต ดูจากภาพที่หลายคนโพสต์ให้เห็นถึงบรรยากาศ ผมฝันว่าสักครั้งผมจะได้สัมผัสบรรยาการที่นี้สักครั้ง แล้วโอกาสนี้ก็มาถึง



เราเริ่มการเดินทางจากปากทางเข้า ถนนสายชุมแพ-เมืองเลยครับ ปากทางเข้าบ้านวังยาว ครั้งนี้เราใช้จักรยานเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาส แต่สมาชิกไม่ครบครับด้วยแต่ละคนมีภารกิจและเวลาว่างไม่ตรงกัน วันนี้เราเลยมีเพื่อนร่วมทางเพียง สามเสือครับ เสือทศ เสือโต้ง และผมเสือเอครับ
เมื่อเดินนทางมาถึงที่วัดแล้วใช่ว่าการเดินทางจะถึงเป้าหมายหลอกนะครับ เราต้องเดินทางด้วยเท้าขึ้นไปที่วัดภูสูงนั้นเองละครับ



จากวัดข้างล้างไปถึงยอดเขาที่เราเดินขึ้นไป เราต้องเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่สองข้างทางส่วนมากจะเป็นป่าไผ่ครับ ถ้าเป็นภาพยนต์จีนเขาคงไม่เดินให้เหนื่อยเหมือนเรา เขาน่าจะใช้กำลังภายในไต่ยอดไผ่ไปแบบที่เราเห็นในภาพยนต์จีนหลายเรื่อง ระยะทางที่เราเดินทางขึ้นเขา กับทางดินวัดระยะทางด้วย จีพีเอส ได้ประมาณ 1-2 กิโลเมตรเองครับจิ๊บๆ

แนะนำสำหรับสาวๆ ที่ไม่ชอบปีนเขาไม่ควรที่จะไปหรอกครับ กว่าจะเดินไปถึงทั้งเดินขึ้นเขา และทางที่ไม่สะดวกสะบายมากนัก ขนาดอินดี้ทั้งสามคนยังต้องพักระหว่างทางนับครั้งไม่ได้เลยครับ เกือบจะถอดใจหลายต่อหลายครั้ง

หลังจากเดินทางลัดเลาะป่าเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่นระหว่างเดินทางเราจะได้ยินเสียงนกหลากหลายชนิดขับกล่อมบรรเลงเพลงป่าเขาให้เราฟังตลอดทางเดิน ฟังแล้วก็หายเหนื่อยไปได้บ้างครับ
และแล้วเราเดินไปเดินมาเราก็เห็นเป้าหมายที่เราตามหาอยู่ข้างหน้าแล้ว






เมื่อเราเดินเท้ามาถึงทางขึ้นใช่ว่าความเสียวจะจบนะครับ เดินทางมาแบบเหนื่อยๆ มาถึงทางขึ้นก็หายเหนื่อยทันไดครับ เพราะความเสียวเข้ามาแแทนที่โดยเร็ว ดังกับเราคลิกคอมฯเปลี่ยนรูปภาพอย่าไรอย่างนั้นเลยครับ
ด้วยทางขึ้นที่เป็นไม้ทั้งหมด ตั้งอยู่บนหน้าผาหิน ยึดด้วยลวด เสาบางเสาผมมองดูเหมือนกับตั้งไว้บนหินโดยมิได้ฝัง ระว่างเดินก็อดใจที่จะทดสอบความแข็งแรงมิได้ครับ แอบโยกโยกดูถึงได้รู้ว่ามันแข็งแรงดี
ผู้ที่กลัวความสูงไม่แนะนำให้ไปครับ สูงมากจริงๆ

เขาบอกว่าทางไปสวรรค์มันจะรกเพราะคนไปน้อย ทางไปนรกจะแปน(แปน ภาษาอีสาน แปลว่า โล้ง,สะอาด ) เพราะคนทุกวันนี้ทำไม่ดีเยอะเมื่อตายไปก็จะไปนรกทำให้ทางที่ไปนรกแปน
เห็นท่าจะจริงครับ ทางที่เดินมาที่วัดรกด้วยต้นไม้แต่เมื่อเดินทางมาถึงหายเหนื่อยครับสูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด  ต่างจากทางเดินไปที่ผับ บาร์ ถนนโล่ง  ผู้คนมากมาย

เมื่อมาถึงข้างบนเราจะเห็นถ่ำที่มีพระพุทธรูป ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ที่พระสงฆ์ใช้ปฏิบัติศาสนกิจ นั่งสมาธิครับ วันที่เราไปประตูปิดและล็อกด้วยกุญแจ ก็เลยไม่ได้เข้าไปข้างในถ่ำครับได้แตถ่ายรูปอยู่หน้าประตู





สำหรับใครที่จะมาชมความสวยงาม และพลังศรัทธาของชาวพุทธ ที่อยู่กับธรรมชาติ ที่กว่าจะสร้างเส็จคงใช้ความพยายาม และอุสาหะ มิน้อย ซึ่งแม้แต่เดินตัวเปล่าก็ว่าเหนื่อยมากแล้ว ลองหลับตานึกภาพคนที่แบกไม้ แบกปูน ทราย ขึ้นเขามาสร้าง จะเหนื่อยแค่ไหน
ดังชีวิตเรานั้นละครับ ถ้าล้มเลิกไปเสียก่อนคงไม่มีวันได้เจอความสุข ความสวยงามในชีวิตเป็นแน่แท้
เชิญชวนทุกท่านลองมาชมความงามที่นี้ดูสักครั้งครับ แล้วท่านจะไม่ผิดหวัง

                                   ภาพโดย ตาโต้ง
                       By เคอู

ปลาซิวตัวน้อย อร่อยเหาะ

ปลาซิว เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่พบได้ตาม ห้วย หนอง คลอง บึง ทั่วไป เป็นปลาที่หาจับง่าย ตายง่ายจนผู้คนนำมาใช่เป็นคำเปรียบเทียบกันคนว่า ใจ...